ท่านอนตะแคง ตอนที่3

วันนี้ผมจะขอกล่าวถึงเรื่องเมื่อนอนตะแคงเป็นประจำแล้ว อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดบริเวณสีข้างกับสะโพก เมื่อเกิดแล้วจะแก้ไขได้ยากเพราะส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่าอาการปวดที่จะกล่าวถึงนี้เกิดจากอะไร วันนี้ผมจะพูดถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากท่านอนกันนะครับ

ในการนอนตะแคง มีโอกาสที่กระดูกซี่โครงไปเสียดสีกับกล้ามเนื้อบริเวณสีข้าง แล้วทำให้เกิดการอักเสบหลายๆครั้งเข้า พังผืดจะเข้ามาพันรัดกล้ามเนื้อบริเวณสีข้างลำตัว เมื่อมีการสะสมเพิ่มมากขึ้นจะส่งผลทำให้เกิดอาการปวดเสียว เมื่อไปกดทับถูกจุดที่พังผืดพันรัดอยู่ ะปวดมากถึงขนาดที่ขณะกำลังหลับอยู่ต้องตกใจตื่นขึ้นมาเลยทีเดียว เพราะอาการปวดเสียวจะวิ่งเข้าหาหัวใจ ผมมีคนไข้ที่มีอาการตามที่กล่าวมานี้มาให้ผมรักษาหลายรายมาก

ยังมีอีกจุดหนึ่งคือสะโพก บริเวณตำแหน่งของปีกกระดูกสะโพก จุดนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่กล้ามเนื้อมีโอกาสที่จะเสียดสีกับปีกกระดูกสะโพก ทำให้พังผืดเข้ามาพันรัดกล้ามเนื้อบริเวณปีกสะโพก เมื่อความหนาของพังผืดที่พันรัดกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ก็จะก่อให้เกิดอาการปวดเสียวได้เช่นกัน

อาการปวดเสียวที่เกิดบริเวณสีข้างหรือข้างๆสะโพกอาจจะถูกกดทับด้วยการนั่ง การนอนตะแคง การบิดหรือเอี้ยวตัว โดยเฉพาะผู้ที่นั่งทำงานและจะต้องหันไปหยิบของบ่อยๆ และเวลาจะหยิบของแล้วขี้เกียจหันทั้งตัว ชอบเอี้ยวตัวไปหยิบ ยิ่งหากประกอบกับการนอนตะแคง โอกาสที่จะมีอาการตามที่ผมกล่าวถึงจะเป็นไปได้สูง ถ้าเป็นเวลาที่เอี้ยวตัวไปหยิบของจะปวดเสียวมากถึงขนาดต้องหยุดนิ่งๆอยู่กับที่ไม่กล้าขยับเลยทีเดียว

นอกจากนี้ท่านอนตะแคงซ้ายและตะแคงขวายังส่งผลที่แตกต่างกันด้วย

– ท่านอนตะแคงซ้าย เป็นท่าที่ช่วยลดอาการปวดหลังได้ดี แต่การนอนคะแตงเป็นระยะเวลานานจะทำให้เกิดอาการขาที่ขาซ้ายได้ จึงควรกอดหมอนข้างและพาดขาไว้ แต่ก็มีข้อเสียคือท่านี้อาจทำให้เกิดลมจุกเสียดบริเวณลิ้นปี่ เนื่องจากอาหารที่ยังย่อยไม่เสร็จตอนก่อนนอนยังคั่งค้างในกระเพาะ
ท่านอนตะแคงขวา ท่านี้ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังเช่นกันท่านอนตะแคงซ้าย แต่ท่านี้จะช่วยให้หัวใจเต้นได้สะดวก และอาหารจากกระเพาะที่คั่งค่าง สามารถระบายลงลำไส้เล็กได้ดีกว่า

ลองดูกันนะครับ ว่าตัวเองนอนตะแคงแบบไหนกัน ตอนต่อไปคนที่ชอบนอนคว่ำควรเข้ามาอ่านกันนะครับ

บทความโดย หมอธนกฤต

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

%d bloggers like this: